Search This Blog / The Web ต้นหาบล็อกนี้ / เว็บ

Thursday, April 9, 2015

ประวัติประเพณีวันสงกรานต์ปีใหม่ไทย


ประวัติประเพณีวันสงกรานต์ปีใหม่ไทย




จัดทำโดย อ.หมอสุชาติ ภูวรัตน์
นธ.เอกบาลีประโยค 1-2
(อดีตพระธรรมทูตต่างประเทศ)
B.S. Engineering Design Tech.
 B.A. ศาสนศาสตร์บัณฑิต
B.S. Computer Information Systems
B.TM.  พทย์แผนไทยบัณฑิต
สาขาวิทยาศาสตร์สุขภาพ
บ.ภ.พท.ว.พท.ผ.พท.น.
ครูแพทย์แผนไทย 4 ด้าน
ศูนย์การแพทย์แผนไทยภูเก็ต

ทำเพื่อการศึกษาและประโยชน์แก่ผู้ชม
และเพื่อเผยแพร่ประเพณีไทย

ประวัติวันสงกรานต์
    กำเนิดวันสงกรานต์ มีเรื่องเล่าสืบ ๆ กันมา 
น่าจดจำไว้ดังข้อความจารึกวัดเชตุพน ฯ 
ได้กล่าวไว้ประดับความรู้ของสาธุชนทั้งหลาย 
ดังต่อไปนี้


    ท่านผู้รู้ได้กล่าวว่า เมื่อต้นภัทรกัลป์ 
มีเศรษฐีคนหนึ่ง มั่งมีทรัพย์มาก แต่ไม่มีบุตร 
บ้านอยู่ใกล้นักเลงสุรา 
นักเลงสุรานั้นมีบุตร 2 คน ผิวเนื้อดุจทอง 
วันหนึ่งนักเลงสุราเข้าไปในบ้านของเศรษฐี 
แล้วด่าเศรษฐี ด้วยถ้อยคำหยาบคายต่าง ๆ 

    เศรษฐีได้ฟังจึงถามว่า พวกเจ้ามาพูดหยาบคาย
ดูหมิ่นเราผู้เป็นเศรษฐี เพราะเหตุใด 
พวกนักเลงสุราจึงตอบว่า ท่านมีสมบัติมากมาย
แต่หามีบุตรไม่ เมื่อท่านตายไปสมบัติก็จะ
อันตรธานไปหมด หาประโยชน์อันใดมิได้ 
เพราะขาดทายาทผู้ปกครอง 
ข้าพเจ้ามีบุตรถึง 2 คนและรูปร่างงดงามเสียด้วย 
ข้าพเจ้าจึงดีกว่าท่าน 

    เมื่อเศรษฐีได้ฟังก็เห็นจริงด้วย 
จึงมีความละอายต่อนักเลง สุรายิ่งนัก 
จึงนึกใคร่อยากได้บุตรบ้าง 
จึงทำการบวงสรวงพระอาทิตย์และพระจันทร์ 
ตั้งจิตอธิษฐาน เพื่อขอให้มีบุตร อยู่ถึง 3 ปี 
ก็มิได้มีบุตรสมดังปรารถนา

    เมื่อขอบุตรจากพระอาทิตย์และพระจันทร์
มิได้ดังปรารถนาแล้วอยู่มาวันหนึ่ง
ถึงฤดูคิมหันต์ จิตรมาส (เดือน 5) 
โลกสมมุติว่าเป็นวันมหาสงกรานต์ 
คือพระอาทิตย์ยกจากราศีมีนประเวสสู่ราศีเมษ 
คนทั้งหลายพากันเล่นนักขัตฤกษ์
เป็นการรื่นเริงขึ้นปีใหม่ทั่วชมพูทวีป 

    ขณะนั้นเศรษฐีจึงพาข้าทาสบริวารไปยังต้นไทร
ริมฝั่งแม่น้ำอันเป็นที่อยู่แห่งปักษีชาติทั้งหลาย 
เอาข้าวสารซาวน้ำ 7 ครั้งแล้วหุงบูชารุกขเทพต้นไทร
พร้อมด้วยสูปพยัญชนะอันประณีต และประโคมด้วย
ดุริยางค์ดนตรีต่าง ๆ ตั้งจิตอธิษฐาน 
ขอบุตรจากรุกขเทพต้นไทร 
    รุกขเทพต้นไทรมีความกรุณา 
เหาะไปขอบุตรกับพระอินทร์ให้กับเศรษฐี

    พระอินทร์จึงให้ธรรมบาลเทวบุตร 
ลงไปปฏิสนธิในครรภ์ บิดามารดาขนานนามว่า 
ธรรมบาลกุมาร แล้วจึงปลูกปราสาทขึ้น 
ให้กุมารอยู่ใต้ต้นไทรริมสระฝั่งแม่น้ำนั้น 
    ครั้นกุมารเจริญขึ้น ก็รู้ภาษานกแล้ว
เรียนจบไตรเพทเมื่ออายุได้ 8 ขวบ 
และได้เป็นอาจารย์บอกมงคลการต่าง ๆ 
แก่มนุษย์ชาวชมพูทวีปทั้งปวง
    ซึ่งขณะนั้นชาวโลกทั้งหลายนับถือ
ท้าวมหาพรหมและกบิลพรหมองค์หนึ่ง
ได้แสดงมงคลการแก่มนุษย์ทั้งปวง


    เมื่อกบิลพรหมแจ้งเหตุที่ธรรมกุมาร
เป็นผู้มีชื่อเสียง เป็นที่นับถือของมนุษย์
ชาวโลกทั้งหลาย จึงลงมาถามปัญหา
แก่ธรรมกุมาร 3 ข้อ ความว่า

1. เวลาเช้า สิริคือราศีอยู่ที่ไหน
2. เวลาเที่ยง สิริคือราศีอยู่ที่ไหน
3. เวลาเย็น สิริราศีอยู่ที่ไหน

    และสัญญาว่า ถ้าท่านแก้ปัญหา 3 ข้อนี้ได้
เราจะตัดศีรษะเราบูชาท่าน ถ้าท่านแก้ไม่ได้ 
เราจะตัดศีรษะของท่านเสีย ธรรมกุมารรับสัญญา 
แต่ผลัดแก้ปัญหาไป 7 วัน 
    กบิลพรหมก็กลับไปยัง พรหมโลก


    ฝ่ายธรรมบาลกุมารพิจารณาปัญหานั้น
ล่วงไปได้ 6 วันแล้วยังไม่เห็นอุบาย
ที่จะตอบปัญหาได้

    จึงคิดว่าพรุ่งนี้แล้วสิหนอ เราจะต้องตาย
ด้วยอาญาของท้าวกบิลพรหม 
เราหาต้องการไม่ จำจะหนีไป ซุกซ่อนตน
เสียดีกว่า คิดแล้วลงจากปราสาทเที่ยวไป
นอนที่ต้นตาล 2 ต้น ซึ่งมีนกอินทรี 2 ตัว
ผัวเมีย ทำรังอยู่บนต้นตาลนั้น


    ขณะที่ธรรมบาลกุมารนอนอยู่ใต้ต้นตาลนั้น 
ได้ยินเสียงนางนกอินทรีถามผัวว่า 
พรุ่งนี้เราจะไปหาอาหารที่ไหน 
นกอินทรีผู้ผัวตอบว่า พรุ่งนี้ครบ 7 วัน
ที่ท้าวกบิลพรหม ถามปัญหาแก่ธรรมบาลกุมาร 
แต่ธรรมบาลกุมารแก้ไม่ได้ 

    ท้าวกบิลพรหมจะตัดศีรษะเสียตามสัญญา 
เราทั้ง 2 จะได้กินเนื้อมนุษย์ คือ ธรรมบาลกุมาร
เป็นอาหาร นางนกอินทรีจึงถามว่าท่านรู้ปัญหาหรือ
ผู้ผัวตอบว่ารู้แล้ว ก็เล่าให้นางนกอินทรีฟัง
ตั้งแต่ต้นจนปลายว่า

1. เวลาเช้าราศีอยู่ที่หน้า 
    คนทั้งหลายจึงเอาน้ำล้างหน้า

2. เวลาเที่ยงราศีอยู่ที่อก 
    คนทั้งหลายจึงเอาน้ำและแป้ง
    กระแจะจันทร์ลูบไล้ที่อก

3. เวลาเย็นราศีอยู่ที่เท้า 
    คนทั้งหลายจึงเอาน้ำล้างเท้า

    ธรรมบาลกุมารนอนอยู่ใต้ต้นไม้
ได้ยินการสนทนาของทั้งสองก็จำได้ 
จึงมีความโสมนัส ปีติยินดีเป็นอันมาก 
แล้วจึงกลับมาสู่ปราสาทของตน


    ครั้นถึงวาระเป็นคำรบ 7 ตามสัญญา 
ท้าวกบิลพรหมก็ลงมาถามปัญหาทั้ง 3 ข้อ
ตามที่นัดหมายกันไว้ 

    ธรรมบาลกุมารก็วิสัชนาแก้ปัญหาทั้ง 3 ข้อ
ตามที่ได้ฟังมาจากนกอินทรีนั้น
 
    ท้าวกบิลพรหมยอมรับว่าถูกต้อง
และยอมแพ้แก่ธรรมบาลกุมาร 
และจำต้องตัดศีรษะของตนบูชาตามที่สัญญาไว้ 

    แต่ก่อนที่ จะตัดศีรษะ ได้ตรัสเรียกธิดาทั้ง 7 
อันเป็นบาทบริจาริกาของพระอินทร์ คือ

1. นางทุงษะเทวี

2. นางรากษเทวี

3. นางโคราคเทวี

4. นางกิริณีเทวี

5. นางมณฑาเทวี

6. นางกิมิทาเทวี

7. นางมโหธรเทวี


    ชาวโลกสมมุติว่าเป็นองค์มหาสงกรานต์ 
กับทั้งเทพบรรษัทมาพร้อมกัน แล้วจึงบอกเรื่องราว 
ให้ทราบและตรัสว่าพระเศียรของเรานี้ 
ถ้าตั้งไว้บนแผ่นดินก็จะเกิดไฟไหม้ไปทั่วโลกธาตุ 
ถ้าจะโยนขึ้น ไปบนอากาศฝนก็จะแล้ง 
เจ้าทั้ง 7 จงเอาพานมารองรับเศียรของบิดาไว้เถิด
 
    ครั้นแล้วท้าวกบิลพรหมก็ตัดพระเศียร
แค่พระศอส่งให้นางทุงษะเทวีธิดาองค์ใหญ่
    ในขณะนั้นโลกธาตุก็เกิดโกลาหลอลเวงยิ่งนัก


    เมื่อนางทุงษะมหาสงกรานต์
เอาพานรองรับพระเศียรของท้าวกบิลพรหม
แล้วก็ให้เทพบรรษัท แห่ประทักษิณ 
เวียนรอบเขาพระสุเมรุราช 60 นาที
แล้วจึงเชิญเข้าประดิษฐานไว้ในมณฑป 
ณ ถ้ำคันธธุลี เขาไกรลาศ กระทำบูชา
ด้วยเครื่องทิพย์ต่างๆ พระวิษณุกรรมเทพบุตร
ก็เนรมิตโลงแก้ว อันแล้วไปด้วยแก้ว 7 ประการ 
ชื่อภัควดีให้เทพธิดาและนางฟ้าแล้ว 
เทพยดาทั้งหลายก็นำมาซึ่งเถาฉมุนาต
ลงล้างน้ำ ในสระอโนดาต 7 ครั้ง 
แล้วแจกกันสังเวยทั่วทุกๆ พระองค์ 



    ครั้นได้วาระกำหนดครบ 365 วัน 
โลกสมมุติว่าปีหนึ่งเป็นวันสงกรานต์
นางเทพธิดาทั้ง 7 ก็ทรงเทพพาหนะต่างๆ 
ผลัดเปลี่ยนเวียนกันมา 
    เชิญพระเศียรกบิลพรหมออกแห่
พร้อมด้วยเทพบรรษัทแสนโกฏิ 
ประทักษิณเวียนรอบเขาพระสุเมรุราชพร้อมด้วย
เทพบรรษัททุกๆ ปี แล้วกลับไปยังเทวโลก


ชื่อนางสงกรานต์

    ดังได้กล่าวมาแล้วว่า ธิดาท้าวกบิลพรหม
มีอยู่ด้วยกัน 7 นาง ถ้าปีใดนางสงกรานต์ตรงกับ 
อะไรใน 7 วัน นางทั้ง 7 ก็ผลัดเปลี่ยนเวียนกันมา
รับเศียรของบิดาตนเพื่อมิให้ตกลงสู่แผ่นดิน 
เพราะจะเกิดฝนแล้งไฟไหม้โลก 
นางทั้ง 7 มีชื่อต่างๆ กันและแต่งกายก็แตกต่างกันไป 
ประกอบกับอาวุธ ที่ถือก็แตกต่างกันด้วย ดังนี้


    วันอาทิตย์ นางสงกรานต์ชื่อ ทุงษะ 
ทัดดอกทับทิม เครื่องประดับปัทมราช (แก้วทับทิม) 
ภักษาหาร อุทุมพร (ผลมะเดื่อ) อาวุธขวาจักร 
ซ้ายสังข์ พาหนะครุฑ

    วันจันทร์ นางสงกรานต์ชื่อ โคราคะ 
ทัดดอกปีบ เครื่องประดับมุกดา 
ภักษาหารเตละ (น้ำมัน) อาวุธขวาพระขรรค์ 
ซ้ายไม้เท้า พาหนะพยัคฆ์ ( เสือ )

    วันอังคาร นางสงกรานต์ชื่อ รากษก 
ทัดดอกบัวหลวง เครื่องประดับแก้วโมรา 
ภักษาหารโลหิต (เลือด) อาวุธขวาตรีศูล (หลาว 3 ง่าม) 
ซ้ายธนู พาหนะวราหะ ( หมู )

    วันพุธ นางสงกรานต์ชื่อ มณฑา 
ทัดดอกจำปา เครื่องประดับไพฑูรย์ 
ภักษาหารนมเนย อาวุธขวาเข็ม ซ้ายไม้เท้า 
พาหนะคัทรภา ( ลา )

    วันพฤหัสบดี นางสงกรานต์ชื่อ กิริณี 
ทัดดอกมณฑา เครื่องประดับมรกต 
ภักษาหารถั่วงา อาวุธขวาขอ 
ซ้ายปืน พาหนะคช (ช้าง)

    วันศุกร์ นางสงกรานต์ชื่อ กิทิมา 
ทัดดอกจงกลณี เครื่องประดับบุษราคัม 
ภักษาหารกล้วยน้ำ อาวุธขวาพระขรรค์ 
ซ้ายพิณ พาหนะมหิงส์ ( ควาย )

    วันเสาร์ นางสงกรานต์ชื่อ มโหธร 
ทัดดอกสามหาว เครื่องประดับนิลรัตน์ 
ภักษาหารเนื้อทราย อาวุธขวาจักร 
ซ้ายตรี พาหนะมยุรา (นกยูง)

    คำว่า สงกรานต์ เป็นคำภาษาสันสกฤต 
แปลว่า ผ่าน หรือ เคลื่อนย้ายเข้าสู่ 
ในที่นี้หมายถึงเป็นวันที่พระอาทิตย์ 
ผ่านหรือเคลื่อนย้าย จากราศีมีน เข้าสู่ราศีเมษ 
ในเดือนเมษายน ถือเป็นช่วงสงกรานต์
หากพระอาทิตย์เคลื่อนย้าย ในช่วงเดือนอื่น ๆ 
ถือเป็นการเคลื่อนย้ายธรรมดา 

    ตามปกตินั้น พระอาทิตย์จะย้ายจากราศีหนึ่ง
ไปสู่อีกกลุ่มดาวหนึ่งเป็นประจำทุกเดือน 
หรือจะเรียกว่าเป็นการย้ายจากกลุ่มดาวหนึ่ง
ไปสู่อีกกลุ่มดาวหนึ่ง ตามหลักโหราศาสตร์
หรือภาษาโหร เรียกว่า ยกขึ้นสู่
    ตัวอย่างเช่น พระอาทิตย์ขึ้นสู่ราศีเมษ 
ก็คือการที่พระอาทิตย์ย้ายจากกลุ่มดาวราศีมีน
ไปสู่กลุ่มดาวราศีเมษ ซึ่งเป็นราศีถัดไปนั่นเอง

    โหรโบราณ ได้แบ่งท้องฟ้าออกเป็น 12 ส่วน 
ส่วนหนึ่ง ๆ เรียกว่าราศี ซึ่งมีราศีละ 30 องศา 
รวม 12 ราศี ก็เท่ากับ 360 องศา
ครบรอบวงกลมพอดี ตามตัวอย่างข้างล่างนี้

    ราศีเมษ
เกิดระหว่างวันที่ 13 เมษายน-13 พฤษภาคม

    ราศีพฤษภ
เกิดระหว่างวันที่ 14 พฤษภาคม - 13 มิถุนายน

    ราศีเมถุน
เกิดระหว่างวันที่ 14 มิถุนายน -14 กรกฎาคม

    ราศีกรกฎ
เกิดระหว่างวันที่ 15 กรกฎาคม - 16 สิงหาคม

    ราศีสิงห์
เกิดระหว่างวันที่ 17สิงหาคม -16 กันยายน

    ราศีกันย์
เกิดระหว่างวันที่ 17 กันยายน - 16 ตุลาคม

    ราศีตุล
เกิดระหว่างวันที่ 17 ตุลาคม - 16 พฤศจิกายน

    ราศีพิจิก
เกิดระหว่างวันที่ 17 พฤศจิกายน - 15 ธันวาคม

    ราศีธนู
เกิดระหว่างวันที่ 16 ธันวาคม - 15 มกราคม

    ราศีมังกร
เกิดระหว่างวันที่ 16 มกราคม - 12 กุมภาพันธ์

    ราศีกุมภ์
เกิดระหว่างวันที่ 13 กุมภาพันธ์ - 13 มีนาคม

    ราศีมีน
เกิดระหว่างวันที่ 14 มีนาคม - 12 เมษายน

    ดังนั้น เมื่อสงกรานต์ แปลว่า ก้าวขี้น 
หรือ เคลื่อนย้าย วันสงกรานต์จึงต้องมีอยู่
ประจำทุกเดือน เพราะดวงอาทิตย์จะย้าย
จากราศีหนึ่ง ไปสู่อีกราศีหนึ่งซึ่งอยู่ถัดไป
เดือนละ 1 ครั้ง เสมอ

    แต่ในวันและเวลาที่พระอาทิตย์ยกขึ้นสู่ 
(ตามภาษาโหร) หรือเคลื่อนย้ายจากราศีมีน
เข้าไปสู่ราศีเมษ ในเดือน เมษายน 
(ซึ่งตรงกับวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 5) 
เราถือเป็นกรณีพิเศษ เรียกว่าวันมหาสงกรานต์
ด้วยถือกันว่าเป็นวันและเวลาที่ตั้งต้นสู่ปีใหม่ 
เป็นวันเปลี่ยนจุลศักราชใหม่ ตามการคำนวณ
ของโหรผู้รู้ทางโหราศาสตร์ 
    เพราะว่าในสมัยโบราณเรานับถือ
เดือนเมษายนเป็นเดือนแรกของปี 

วันมหาสงกรานต์

    เมื่อถึงเดือน 5 ตรงกับวันที่ 13 เมษายน
ของทุก ๆ ปีราเรียกวันนี้ว่า  วันสงกรานต์  
ประเพณีไทยเดิมถือว่าวันนี้เป็นวันขึ้นปีใหม่

    ประเพณีธรรมเนียมไทยเราก็จะมีการเล่น 
รื่นเริง มีการรดน้ำดำหัวโดยเฉพาะหนุ่มๆ 
สาวๆ จะสนุกกันเต็มที่เล่นสาดน้ำกัน
โดยไม่ถือเนื้อถือตัวเลย ในชนบทหลายแห่ง 
มีการเล่นพื้นเมืองต่าง ๆ กัน 

    อนึ่งวันนี้บางแห่งจะเริ่มจากวันที่ 13 เมษายน 
และมีการเล่นสนุกสนานไปประมาณ 1 สัปดาห์
 หรือกว่านั้น แต่ไม่เกิน 2 สัปดาห์ 

    ในระยะนี้จะมีการนำน้ำหอมเสื้อผ้าอาภรณ์
ไปรดน้ำผู้ใหญ่ญาติพี่น้องที่เคารพนับถือ

    และทางศาสนาก็
จัดให้มีการบายศรีพระสงฆ์สมภารเจ้าวัด 
สรงน้ำพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์
เท่าที่มีตามวัดต่าง ๆ ที่อยู่ใกล้เคียง

     ธรรมเนียมไทยยังให้ความสำคัญ
กับวันสงกรานต์อยู่ 
โดยถือเอาเป็นวันขึ้นปีใหม่ตามแบบไทย 

    ดังนั้นเมื่อใกล้ถึงวันสงกรานต์
การตระเตรียมทำความสะอาดอาคาร
บ้านเรือน และเตรียมข้าวของ
ที่จะทำบุญตักบาตร

การทำบุญตักบาตรและการสร้างกุศล

ด้วยการปล่อยนกปล่อยปลา
    ในสมัยโบราณ เมื่อถึงวันสงกรานต์
ประชาชนจะพากันตื่นแต่เช้ามืด 
เตรียมหุงข้าวต้มแกง เพื่อนำไปทำบุญที่วัด 
ทุกคนจะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่สีสันสดใส 
โดยเฉพาะหนุ่มสาวเพราะจะได้มีโอกาส
พบปะพูดคุยกันได้อย่างสะดวก 
แต่ก็ต้องอยู่ในสายตาของผู้ใหญ่

    เมื่อทำบุญตักบาตรหรือเลี้ยงพระ
เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จะมีการบังสุกุลอัฐิ
ของบรรพบุรุษผู้ล่วงลับ เพื่ออุทิศส่วนกุศลไปให้ 
นอกจากนั้นยังมีกิจกรรมอื่น ๆ เช่น 



    ก่อพระเจดีย์ทราย ซึ่งเป็นการขนทรายเข้าวัด
สำหรับไว้ใช้ในงานก่อสร้างโบสถ์วิหาร 
มีการปล่อยนกปล่อยปลาซึ่งเท่ากับเป็นการ
แพร่ขยายพันธ์สัตว์ให้คงอยู่ไปชั่ว ลูกชั่วหลาน 
และที่จะขาดเสียไม่ได้ก็คือการสรงน้ำพระ 
การรดน้ำดำหัวขอพรจากผู้ใหญ่ รวมไปจนถึง
การเล่นสาดน้ำกันเองในหมู่หนุ่มสาว



การสรงน้ำพระพุทธรูป และการสรงน้ำพระสงฆ์

    ชาวบ้านจะนำดอกไม้ธูปเทียนไปบูชา 
แล้วเอาน้ำอบไปประพรมที่องค์พระ 
เพื่อความเป็นสิริมงคล 

    บางแห่งมีการอัญเชิญพระพุทธรูป
แห่แหนไปรอบๆหมู่บ้าน เพื่อให้ประชาชน
มีโอกาสได้สรงน้ำกันอย่างทั่วถึงหรือ
จะอัญเชิญพระพุทธรูปจาก หิ้งบูชาในบ้าน
มาทำพิธีสรงน้ำกันในหมู่ญาติพี่น้องก็ได้

    ชาวบ้านจะได้ไปชุมนุมกันที่วัด 
นิมนต์พระในวัดมายังสถานที่ประกอบพิธี 
การรดน้ำควรรดที่มิอของท่าน ไม่ควรตักราด
เหมือนกับเป็นการอาบน้ำจริง ๆ เพราะ
พระสงฆ์ถือเป็นเพศที่สูงกว่าคนธรรมดาทั่วไป 
น้ำที่ใช้ต้องเป็นน้ำฝนหรือน้ำสะอาดผสม
น้ำอบไทย เมื่อสรงน้ำแล้วพระท่านก็จะให้ศีล
ให้พรเพื่อความเป็นสิริมงคล


การรดน้ำดำหัวขอพรญาติผู้ใหญ่และผู้ที่เคารพนับถือ

    การ รดน้ำผู้ใหญ่ หากระทำกันเองในบ้าน 
ลูกหลานจะเชิญพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย 
ญาติผู้ใหญ่ มานั่งในที่จัดไว้ แล้วนำน้ำอบ
น้ำหอมผสมน้ำมารดให้ท่าน อาจรดที่มือ
หรือรดทั้งตัวไปเลยก็มี

    ในระหว่างที่รดน้ำท่านก็ให้พรแก่ลูกหลาน 
เสร็จพิธีแล้วจึงผลัดนุ่งผ้าใหม่ที่ลูกหลาน
จัดเตรียมไว้ให้ เป็นการสร้างความสัมพันธ์
อันดีภายในครอบครัว การรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่
ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือ 

    ส่วนใหญ่จะมีผ้าใหว้เช่นเสื้อผ้าและผ้าขาวม้า
ไปมอบให้ด้วย การรดน้ำส่วนใหญ่จะรดที่มือ 
ขอศีลขอพร เป็นการแสดงความเคารพผู้มีอาวุโส
และผู้มีพระคุณตามธรรมเนียมอันดีของไทย 

    บางหมู่บ้านอาจเชิญคนแก่คนเฒ่ามารวมกัน 
แล้วให้ลูก ๆ หลาน ๆ ทำพิธีรดน้ำขอพร 
ซึ่งเป็นประเพณีอันดีงามที่ควรช่วยกัน
ส่งเสริมและอนุรักษ์ไว้





การเล่นสาดน้ำสำหรับหนุ่มสาว

    หลังจากทำพิธีสรงน้ำพระพุทธรูป 
สรงน้ำพระสงฆ์ และรดน้ำขอพรจากญาติ
ผู้ใหญ่แล้ว พวกหนุ่ม ๆ สาวๆ ก็จะเล่นสาดน้ำ
กันอย่างสนุกสนาน ซึ่งน้ำที่ใช้นำมาสาดกันนั้น
ต้องเป็นน้ำสะอาดผสมน้ำอบมีกลิ่นหอม 

หมายเหตุ เด็กบางคนไม่เข้าใจถึงวัฒนธรรม
ถึงจุดประสงค์ของการเล่นสาดน้ำในวันสงกรานต์ 
เอาน้ำผสมสีหรือผสมเมล็ดแมงลัก 
แล้วนำไปสาดผู้อื่น ซึ่งเป็นการปฏิบัติที่ไม่ถูกต้อง 
จำเป็นต้องแก้ไขให้ถูกต้องด้วย



    สถานที่เล่นสาดน้ำสวนใหญ่เป็นลานวัด 
หรือลานกว้างของหมู่บ้าน พอเหนื่อยก็จะมี
ขนมและอาหารเลี้ยง ซึ่งชาวบ้านจะช่วยกัน
เรี่ยไรออกเงินและช่วยกันทำไว้ จนถึงตอนเย็น
จึงแยกย้ายกันกลับไปบ้านเพื่ออาบน้ำเปลี่ยน
เสื้อผ้าชุดใหม่ แล้วมาชุมนุมกันที่ลานวัดอีกครั้ง 
เพื่อร่วมการละเล่นพื้นเมือง

การละเล่นพื้นบ้านในวันสงกรานต์

    การละเล่นพื้นบ้านหรือจะเรียกว่ากีฬา
พื้นเมืองก็ได้ เป็นเกมที่สร้างความสนุกสนาน
สามัคคี และความใกล้ชิดผูกพันพวกหนุ่มๆ 
สาวๆ จะแบ่งกันเป็นสองฝ่าย จัดทีมเพื่อเล่น
แข่งขันกับฝ่ายตรงข้าม มีผู้ใหญ่เป็นกรรมการ
หรือผู้ควบคุม ส่วนคนเฒ่าคนแก่ก็คอยส่งเสียง
เชียร์ให้กำลังใจอยู่วงนอก

    การละเล่นที่นิยมนำมาเล่นกันในงาน
สงกรานต์ มีหลายอย่าง เช่น ชักเย่อ ไม้หึ่ง 
งูกินหาง ช่วงชัย วิ่งเปี้ยว เขย่งแตะ 
หลับตาตีหม้อ มอญซ่อนผ้า สะบ้า 
ขี่ม้าส่งเมือง ลิงชิงหลัก ฯลฯ 

    นอกจากนั้นมีการเล่นเพลงยาว ลำตัด 
รำวง ฯลฯ การประกวดนางสงกรานต์
ซึ่งแต่ละกิจกรรมร่วมสร้างความสนุกสนาน
เป็นกันเอง หนุ่มสาวได้มีโอกาสใกล้ชิดกัน 
ได้ศึกษาดูนิสัยใจคอ ได้มีโอกาสพูดจา
โอภาปราศรัยกัน

    ประเพณีการทำบุญและการละเล่น
ในวันสงกรานต์แต่ละท้องถิ่นอาจ 
มีผิดแตกต่างกันไปบ้างตามแต่และยุคสมัย
ในชนบทอาจกำหนดวันทำบุญและ
วันสรงน้ำพระไม่ตรงกันในแต่ละหมู่บ้าน 

    ด้วยเหตุนี้ พวกหนุ่ม ๆจึงมีโอกาสไป
เล่นสงกรานต์ได้หลายแห่งในแต่ละปี 
วันสงกรานต์จึงถือเป็นประเพณีหนึ่งในหลายๆ 
ประเพณีของไทยแต่โบราณ ที่เปิดโอกาส
ให้หนุ่มสาวได้เลือกคู่หรือดูอุปนิสัยใจคอกัน
โดยเปิดเผยโดยไม่ ต้องหลบๆ ซ่อนๆ 
ต่อสายตาผู้ใหญ่

กิจกรรมวันสงกรานต์



การทำบุญตักบาตร
    ถือว่าเป็นการสร้างบุญสร้างกุศลให้ตัวเอง 
และอุทิศส่วนกุศลนั้นแก่ผู้ล่วงลับไปแล้ว 
การทำบุญแบบนี้มักจะเตรียมไว้ล่วงหน้า 
นำอาหารไปตักบาตรถวายพระภิกษุที่ศาลาวัด 
ซึ่งจัดเป็นที่รวมสำหรับทำบุญ 

    ในวันนี้หลังจากที่ได้ทำบุญเสร็จแล้ว 
ก็จะมีการก่อพระทรายอันเป็นประเพณีด้วย

การรดน้ำ
    เป็นการอวยพรปีใหม่ให้กันและกัน 
น้ำที่รดมักใช้น้ำหอมเจือด้วยน้ำธรรมดา



การสรงน้ำพระ
    จะรดน้ำพระพุทธรูปที่บ้านและที่วัด 
และบางที่จัด สรงน้ำพระสงฆ์ ด้วย

การรดน้ำผู้ใหญ่
    คือการไปอวยพรให้ผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ 
ครูบาอาจารย์ ท่านผู้ใหญ่มักจะนั่งลง
แล้วผู้ที่รดก็จะเอาน้ำหอมเจือกับน้ำรดที่มือท่าน 
ท่านจะให้ศีลให้พรผู้ที่ไปรด ถ้าเป็นพระ
ก็จะนำผ้าสบงไปถวายให้ท่านผลัดเปลี่ยนด้วย 
หากเป็นฆราวาสก็จะหาผ้าถุง ผ้าขาวม้าไปให้

การดำหัว
    ก็คือการรดน้ำนั่นเอง แต่เป็นคำเมือง
ทางภาคเหนือ การดำหัวเรียกกันเฉพาะ
การรดน้ำผู้ใหญ่ที่เราเคารพนับถือ ผู้สูงอายุ 
คือการขอขมาในสิ่งที่ได้ล่วงเกินไปแล้ว 
หรือการขอพรปีใหม่จากผู้ใหญ่ 
ของที่ใช้ในการดำหัวส่วนมากมีผ้าขนหนู 
มะพร้าว กล้วย และ ส้มป่อย





การปล่อยนกปล่อยปลา
    ถือเป็นการล้างบาปที่ทำไว้ 
เป็นการสะเดาะเคราะห์ร้ายให้มีแต่ความสุข
ความสบายในวันขึ้นปีใหม่

การนำทรายเข้าวัด
    ทางภาคเหนือนิยมขนทรายเข้าวัด
เพื่อเป็นนิมิตโชคลาภ ให้มีความสุข
ความเจริญ เงินทองไหลมาเทมา
ดุจทรายที่ขนเข้าวัด


ความสำคัญของวันสงกรานต์


1. เป็นวันหยุดพักผ่อนประจำปี
    ตามประเพณีไทย และถือเป็นวันหยุด
    ประกอบการงานหรือธุรกิจทั่วไป

2. เป็นวันทำบุญตักบาตรจัดจตุปัจจัย
    ไทยธรรมถวายพระ       
    บังสุกุลกระดูกพรรพบุรุษ 
    กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศล
    ให้แก่ญาติผู้ล่วงลับ

3. เป็นวันแสดงความกตัญญูกตเวที
    ต่อบรรพบุรุษ ในวันนี้จะมีการไปรดน้ำ
    ดำหัว ขอพรจาก พ่อแม่ ผู้เฒ่าผู้แก่
    ที่เคารพนับถือ วันสงกรานต์ถือเป็น 
    วันสูงอายุแห่งชาติ

4. เป็นวันรวมญาติมิตรที่จากไปอยู่
    แดนไกลเพื่อประกอบภาระ หน้าที่งาน
    อาชีพของตน เมื่อถึงวันสงกรานต์
    ทุกคนจะกลับมาร่วมทำบุญสร้างกุศล 
    จึงถือเอาวันที่ 15 เมษายน 
    ซึ่งอยู่ในช่วงสงกรานต์เป็นวันรวมญาติ
    หรือวันครอบครัว

5. เป็นวันอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย 
    และส่งเสริมการละเล่นตามประเพณีไทย 
    เช่น มีการทำบุญตักบาตร เล่นสาดน้ำ 
    ชักเย่อ มอญซ่อนผ้า เล่นสะบ้า เป็นต้น

6. เป็นวันประกอบพิธีทางศาสนา 
    เช่น มีการทำบุญตักบาตรจัดจตุปัจจัย
    ไทยธรรมถวายพระ 
    บังสุกุลกระดูกบรรพบุรุษ 
    กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้แก่ญาติผู้ล่วงลับ 
    การสรงน้ำพระพุทธรูป สรงน้ำพระสงฆ์ 
    ขนทรายเข้าวัด (ก่อพระเจดีย์ทราย ) 
    รับศีล ปฏิบัติธรรม เป็นต้น

สรุปความสำคัญของวันสงกรานต์
1. เป็นวันหยุดพักผ่อนประจำปี
2. เป็นวันทำบุญสร้างกุศล 
    และประกอบพิธีทางศาสนา
3. เป็นวันอนุรักษ์และสืบสาน
    วัฒนธรรมไทย
4. เป็นวันแสดงความกตัญญูกตเวที 
    และรำลึกถึงผู้ล่วงลับ
5. เป็นวันครอบครัว วันรวมญาติ
    และวันผู้สูงอายุ
6. เป็นวันอนุรักษ์พันธุ์สัตว์
7. เป็นวันเลือกคู่ของหนุ่มสาว


เพลงสงกรานต์ กลับบ้านเรา


เพลงรำวงสงกรานต์ สุนทราภรณ์

-----------------------------------------------------------------

วันมหาสงกรานต์ ตรงกับ วันเสาร์ที่ 13 เมษายน 
พุทธศักราช 2567 ปีมะโรง

นางสงกรานต์ ทรงนามว่า มโหธรเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกสามหาว (ผักตบชวา) อาภรณ์แก้วนิลรัตน์ ภักษาหารเนื้อทราย พระหัตถ์ขวาทรงจักร พระหัตถ์ซ้ายทรงตรีศูล เสด็จไสยาสน์ลืมเนตรมาเหนือหลังมยุรา (นกยูง) เป็นพาหนะ


วันมหาสงกรานต์ ตรงกับวันศุกรที่ 14 เดือนเมษายน พุทธศักราช 2566 ปีเถาะ


นางสงกรานต์มีนามว่า กิมิทาเทวี ทรงพหุรัด ทัดดอกจงกลนี อาภรณ์แก้วบุษราคัม ภักษาหารกล้วยน้ำ พระหัตถ์ขวาทรงขรรต์ พระหัตถ์ซ้ายทรงพิณ เสด็จนั่งมาเหนือหลังมหิงสา (ควาย) 
เป็นพาหนะ


วันมหาสงกรานต์ ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ 14 เดือนเมษายน พุทธศักราช 2565 ปีขาล


    นางสงกรานต์มีนามว่า กิริณีเทวี ทรงพหุรัด ทัดดอกมณฑา อาภรณ์แก้วมรกต ภักษาหารถั่วงา พระหัตถ์ขวาทรงของ้าว พระหัตถ์ซ้ายทรงปืน เสด็จยืนมาเหนือหลังพญาคชสาร (ช้าง) เป็นพาหนะ

วันมหาสงกรานต์ ตรงกับวันพุธ ที่ 14 เมษายน 

พุทธศักราช 2564 ปีฉลู



     นางสงกรานต์ 2564 มีนามว่า รากษสเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกบัวหลวง อาภรณ์แก้วโมราภักษาหาร โลหิต พระหัตถ์ขวาทรงตรีศูล พระหัตถ์ซ้ายทรงธนู เสด็จไสยาสน์หลับเนตรมาเหนือหลังวราหะ(สุกร) เป็นพาหนะ

    วันมหาสงกรานต์ ตรงกับ วันจันทร์ที่ 13 เมษายน 
พุทธศักราช 2563 ปีชวด


    นางสงกรานต์ 2563 มีนามว่า โคราคะเทวี ทรงพาหุรัด ทัดดอกปีบ อาภรณ์แก้วมุกดาหาร ภักษาหารน้ำมัน (กินน้ำมัน)​ หัตถ์ขวาทรงขรรค์ หัตถ์ซ้ายทรงไม้เท้า เสด็จไสยาสน์ลืมเนตร (นอนลืมตา) มาเหนือหลังพยัคฆ์ (เสือ) เป็นพาหนะ

------------------------------------------------

วันมหาสงกรานต์ ตรงกับ วันอาทิตย์ที่ 14 เมษายน 
พุทธศักราช 2562 ปีกุน



    นางสงกรานต์ชื่อว่า ทุงษะเทวี ทัดดอกทับทิม มีแก้วปัทมราช (แก้วทับทิม) อาหารที่ชอบคือผลมะเดื่อ อาวุธประจำกาย มือขวาถือจักร มือซ้ายถือหอยสังข์ อยู่เหนือหลังครุฑ
 
---------------------------------------------------------


    วันมหาสงกรานต์ ตรงกับ วันเสาร์ที่ 14 เมษายน 
พุทธศักราช 2561 ปีจอ


    นางสงกรานต์ชื่อว่า มโหธรเทวี ทัดดอกสามหาว (ผักตบชวา) มีแก้วนิลรัตน์ อาหารที่ชอบคือเนื้อทราย อาวุธประจำกาย มือขวาถือจักร มือซ้ายถือตรีศูล อยู่เหนือหลังมยุรา (นกยุง) เป็นพาหนะ

-------------------------------------------------------------

    วันมหาสงกรานต์ ตรงกับวันที่ 14 เดือนเมษายน 
พุทธศักราช 2560 ปีระกา



    นางสงกรานต์ชื่อว่า กิริณีเทวี ทัดดอกมณฑา มีแก้วมรกต อาหารที่ชอบคือถั่วงา มือขวาถือของ้าว มือซ้ายถือปืน อยู่บนหลังพญาคชสาร (ช้าง) เป็นพาหนะ
------------------------------------------------------------------

    วันมหาสงกรานต์ ตรงกับ วันพุธที่ 13 เมษายน 
พุทธศักราช 2559 ปีวอก



    นางสงกรานต์ชื่อว่า มณฑาเทวี  ทัดดอกจำปา มีแก้วไพฑูรย์ อาหารที่ชอบ คือ นม เนย อาวุธประจำกาย มือขวาถือเหล็กแหลม มือซ้ายถือไม้เท้า อยู่เหนือหลังคัสพร (ลา) เป็นพาหนะ 
-----------------------------------------------------------------

    วันมหาสงกรานต์ ตรงกับ วันอังคารที่ 14 เมษายน 
พุทธศักราช 2558 ปีมะแม




    นางสงกรานต์ชื่อ รากษกเทวี ทัดดอกบัวหลวง มีแก้วโมรา อาหารที่ชอบคือโลหิต อาวุธประจำกาย มือขวาถือตรีศูล มือซ้ายถือธนูสร อยู่เหนือวรงาหะ (สุกร) เป็นพาหนะ 
-------------------------------------------------------------------

Credit:  เนื้อหา และภาพจาก Google และ Face book และเขียนถ่ายภาพเองบ้าง เพื่อถ่ายทอดความรู้ประเพณีวัฒนธรรมไทยให้แก่ผู้สนใจและอนุชนรุ่นหลังสืบไป ขอให้ท่านผู้ใจบุญทั้งหลายได้บุญกุศลมีความสุขในวันสงกรานต์ทุกปีทุกท่านเทอญ





No comments:

Post a Comment